บรรยายโดย: คุณชยกร ดวงสุรีย์ Head of Enterprise Professional Services, TCC Technology

 

เมื่อเทคโนโลยีด้าน Data  คือ  คลื่นลูกใหญ่ที่ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและโลกทั้งใบให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแบบติดสปีด ทุกวันนี้ไลฟสไตล์การใช้ชีวิต การจับจ่ายใช้สอย การทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ตลอดจนการดำเนินธุรกิจ ล้วนก้าวสู่ความเป็นดิจิทัลแบบ 100% แน่นอนว่า ธุรกิจที่อยากเติบโตเหนือคู่แข่ง จะรู้วิธีการใช้ประโยชน์จาก Big Data (ชุดข้อมูล) ให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตได้ไกลและไวกว่า

 

ถ้าต้องการไปให้ไกล ไปให้เร็วกว่าปกติ วันนี้ใช้แค่ Traditional Marketing อย่างเดียวคงไม่พอ เราจะต้องใช้ Business Intelligence ใช้ Cloud และ AI มาช่วยคิด ช่วยเก็บ ช่วยวิเคราะห์ เพื่อออกแบบสินค้าและบริการได้ตรงใจกลุ่มผู้บริโภค เพื่อเพิ่ม Agility ของการตลาดให้ตรงกลุ่มและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น คุณชยกร ดวงสุรีย์ Head of Enterprise Professional Services, TCC Technology กล่าว

 

 

ยุค Digital Transformation ที่มีโควิดเป็นตัวเร่ง ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว อินเทอร์เน็ตคือหัวใจหลักที่ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจจากออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ หากเรานำ Big Data ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ บนโลกดิจิทัล มารวบรวมผ่านกระบวนการจัดเก็บและคิดวิเคราะห์อย่างมีกลยุทธ์ จะกลายเป็น Insight ชั้นดีที่ทำให้เราสามารถเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นในแต่ละวันผ่านประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับ (Customer Experience) ได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

ประเภทของชุดข้อมูล Big Data แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ตามลำดับประโยชน์ในการใช้งาน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการทำธุรกิจ

แม้ว่าทุกวันนี้ เราสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้ประโยชน์จาก Big Data ในการต่อยอดธุรกิจได้โดยไม่มีเงื่อนไขมากนัก  แต่ในอนาคตอันใกล้ หลังการประกาศใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เราจะไม่สามารถนำข้อมูลต่างๆ มาใช้ได้อย่างอิสระเสรีอีกต่อไป และในอีก 10 เดือนข้างหน้า โลกที่ปราศจาก Cookies ให้ใช้งาน ข้อมูลในการติดตามพฤติกรรมบางส่วนที่เคยมีบนอินเทอร์เน็ตไม่มีให้ใช้อีกต่อไป เจ้าของธุรกิจจึงควรเตรียมพร้อมในการจัดเก็บข้อมูลให้เป็นของตนเอง (First-Party Data) มากกว่าพึ่งพาข้อมูลจากภายนอก หรือการซื้อข้อมูลผ่านบริษัทอื่นๆ (Third-Party Data) เพียงอย่างเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ควรให้ความสำคัญในการจัดเก็บข้อมูล IoB หรือ Internet of Behavior (ข้อมูลที่ถูกรวบรวมผ่านโลกอินเทอร์เน็ตและนำไปวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมผู้บริโภค) เพื่อให้สามารถโฟกัสธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น สามารถนำเอา Data ทั้ง 3 ส่วนนี้ไปใช้ประโยชน์ในการคิดวิเคราะห์ต่อยอดธุรกิจเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า

สิ่งสำคัญที่สุด หลังการจัดเก็บข้อมูลเป็นของตนเอง  เจ้าของธุรกิจควรทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค  โดยการนำชุดข้อมูลที่มีอยู่มาคิดวิเคราะห์ทางการตลาด หาความสัมพันธ์และคาดการณ์แนวโน้มของธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ผ่าน Business Intelligence (BI) เพื่อสร้างแบบจำลองข้อมูลทางธุรกิจของตนเอง (Personalized Business Data Model) ให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย นำไปสู่ยุทธศาสตร์การออกแบบและผลิตสินค้าหรือบริการที่รวดเร็ว ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตามสภาพตลาดและตามผลลัพธ์จากการทดสอบที่เกิดขึ้นจริง หรือที่เรียกว่า การตลาดแบบอไจล์ (Agile Marketing)

กลยุทธ์การตลาดดังกล่าว จะสามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดด หากเจ้าของธุรกิจนำ Customer Insight ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการทำกิจกรรมการตลาดบนโลกดิจิทัล ควบคู่กับเรื่อง Customer Engagement เช่น การทำ Facebook Live Streaming ขายสินค้าให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วม โดยใช้ Technology และ Data มาช่วยซัพพอร์ตและประมวลผลพฤติกรรมผู้บริโภค ตอบโจทย์ธุรกิจและความต้องการของลูกค้า เพื่อส่งมอบประสบการณ์แบบเจาะจงตรงตามความต้องการลูกค้ารายบุคคล

นอกจากการนำ Big Data มาเป็นเครื่องมือทรงพลังในการช่วยคิดวิเคราะห์ให้ธุรกิจเกิดมูลค่าโดยมี Technology เป็นตัวช่วย เจ้าของธุรกิจควรปรับตัวให้ไว เพื่อเรียนรู้เทรนด์ใหม่ๆ ของเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น อาทิ Virtual Mall, Virtual Search, Shopping Tab, Livestreaming Commerce, Omni Store ฯลฯ เพื่อมาออกแบบ Customer Journey ให้ลูกค้าในมุมมองใหม่ๆ น่าจะช่วยต่อยอดธุรกิจให้ทะยานสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดดได้ไม่ยาก

 

บทความนี้ได้รับการสนับสนุนโดย

www.tcc-technology.com
TCC Technology Official Facebook
TCC Technology Official Youtube
https://www.linkedin.com/company/tcc-technology

 

#TCCtechnologyGroup #TechnologySolutionsPartner #Technology #OPENTEC #opentalk  # TechTrend  #Digital