วงการอสังหาริมทรัพย์ไทยในปัจจุบันถือว่ามีการแข่งขันที่เข้มข้นและดุเดือด โดยผู้ประกอบการต่างงัดกลยุทธ์ออกมาเรียกลูกค้า ซึ่งองค์ประกอบการตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ราคาหลักล้านในปัจจุบันไม่ใช่แค่เรื่องของแบบทรงบ้าน ทำเล หรือวัสดุที่ใช้เท่านั้น ดังนั้นการจะรู้ใจผู้บริโภคได้ต้องอาศัยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ให้ครอบคลุมสิ่งที่อยู่ในใจลูกค้าทั้งหมด

  เครดิตภาพ: Thoth Zocial

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทไทยส่วนใหญ่ที่เริ่มนำ Big Data มาใช้ประโยชน์ในด้านพัฒนาการขายและการตลาด โดยเฉพาะนำข้อมูลมาพิจารณาเรื่องการตั้งราคาและจัดโปรโมชั่นให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยนิยมใช้ในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ขายสินค้าแบบเดียวกัน เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จะใช้ประโยชน์จาก Big Data ในด้านการปรับปรุงสินค้าและบริการให้มีมูลค่าเพิ่ม ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง

เครดิตภาพ: SCB EIC

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างให้ความสำคัญกับการใช้ BIG DATA ตามเทรนด์ Property Tech ซึ่งเป็นกระแสในวงการมาระยะหนึ่ง โดยมุ่งเน้นให้บริการด้าน Marketplace แหล่งรวมข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเชิงลึก ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค เส้นทางการค้นหาที่อยู่อาศัย ทำเลน่าสนใจ และความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความต้องการที่แตกต่างกันอย่างไร และทำสิ่งที่เรียกว่า Big Data Analysis เพื่อใช้ประเมินเหตุการณ์ในอนาคต หรือดูแนวโน้มสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นเอง

ข้อดีของการนำ Big Data มาใช้ในธุรกิจ คือ เม็ดเงินที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลงทุนปีละหลายหมื่นล้านบาท จะถูกนำไปใช้ได้อย่างตรงจุด ไม่ใช่หว่านการลงทุนและสุดท้ายลูกค้าไม่สนใจซื้อโครงการอย่างที่ผ่านมา เท่ากับลดความเสี่ยงธุรกิจไปได้ในตัว

เครดิตภาพ: SANSIRI

นายทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแข่งขันของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีความดุเดือด แต่ถือว่าเป็นผลดีกับลูกค้าในด้านทางเลือกที่มากขึ้นเพราะผู้เล่นแต่ละรายมีกลยุทธ์ไม่เหมือนกัน บริษัทให้ความสำคัญกับ Big Data, AI, IoT เนื่องจากมองว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความยั่งยืน และได้ใช้เงินลงทุนจำนวนมากลงทุนในการพัฒนาเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในยุคดิจิทัล

ด้านนายโกเมษ จันทวิมล Chief Data Strategist บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) ให้ข้อมูลภายในงาน Big Data 2018 : From Hype to Reality ว่า การใช้ประโยชน์จาก Big Data สิ่งสำคัญไม่ใช่การจัดเก็บข้อมูล แต่คือการค้นหา Value ของ Big data โดยใช้ Big Data Analytic นำข้อมูลมาวิเคราะห์ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด เมื่อหาศักยภาพของธุรกิจตัวเองได้แล้ว จะสามารถรู้ข้อจำกัดของธุรกิจ โดยแสนสิริเริ่มหันมาใช้แนวคิด Customer Centric วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเป็นสำคัญ และนำผลิตภัณฑ์ไปเสนอลูกค้า โดยจุดเริ่มต้นคือ ต้องหาให้ได้ว่าลูกค้าต้องการอะไรเป็นอันดับแรก และจะทำสินค้าประเภทใดตอบรับความต้องการลูกค้า ซึ่งการใช้ข้อมูลจะเป็นประโยชน์มาก เพราะธุรกิจอสังหาต้องลงทุนเยอะ ดังนั้นการลงทุนในแต่ละครั้งต้องมีประโยชน์

กลยุทธ์สำคัญหากองค์กรจะสร้างการแข่งขันได้ในยุคนี้ ต้องมีคนที่วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหา Value จากข้อมูลได้มากกว่าองค์กรอื่น และต้องมี Data จำนวนมาก โดยในหลายบริษัทเริ่มจากการเก็บ Data ให้ได้มากที่สุด ซึ่งต้องโฟกัสว่าจะวิเคราะห์อะไร เช่นในธุรกิจอสังหาฯ ต้องวิเคราะห์ลูกค้า การก่อสร้างขนส่ง ซัพพลายเออร์ รวมไปถึงการขายมาร์เก็ตติ้ง รวมถึงต้องสร้าง Data Culture ในองค์กร เพราะสิ่งสำคัญคือการกระตุ้นให้ทุกคนใช้ประโยชน์จากข้อมูลให้ได้มากที่สุดจะทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้ามากกว่าคู่แข่ง

เครดิตภาพ: SCB EIC

ยุคสมัยนี้ผู้ประกอบการไม่ว่าธุรกิจใดจะนิ่งนอนใจดำเนินธุรกิจแบบเดิมๆไม่ได้ ต้องปรับตัวให้ตอบรับกระแสเทคโนโลยี สร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่แบรนด์ใหญ่ที่มีชื่อเสียง เพราะปัจจุบันลูกค้ามีช่องทางการหาข้อมูลที่มากขึ้น ทำให้เกิดการเปรียบเทียบ ถือเป็นความท้าทายใหม่ที่จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจมีความยั่งยืน

ขอบคุณข้อมูล : ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ, ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC), บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
บริษัท โธธ โซเชียล จำกัด และสถาบัน IMC หลักสูตรอบรม Big Data 2018: From Hype to Reality