“ความท้าทายที่เราต้องเผชิญ ไม่ใช่แค่เรื่อง Innovation หรือ Disruption ยังรวมถึง Regulatory ที่ล้าหลังแต่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน“ นี่คือมุมมองส่วนตัวของ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ CLSA, กรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET), กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สํานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ที่กล่าวไว้บนเวทีสัมมนา “Fintech Snapshot”. Is Thailand’s ready for disruptive technology in financial services? ที่จัดโดยสภาหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย ร่วมกับสภาหอการค้าอังกฤษในประเทศไทย
ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ นายปริญญ์อยากเห็นตลาดหลักทรัพย์เติบโตและเป็นผู้ใหญ่ตามอายุที่มากขึ้นเข้าสู่ปีที่ 43 แต่กระนั้นเขากลับรู้สึกว่าตลาดหลักทรัพย์เองยังคงติดกับการผูกขาดทำให้ไม่มีการแข่งขัน และนั้นอาจทำให้ถูกเทคโนโลยีใหม่ๆ วิ่งแซงหน้า อาทิ Initial Coin Offering (ICO) บวกกับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้ปัจจุบัน Fintech Startup บางรายสามารถเขียนโปรแกรมระดมทุนได้อย่างน่าสนใจและมีจุดเด่นหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องความเร็วจากการลดขั้นตอนของคนกลาง (Middleman) ที่อาศัยประสิทธิภาพของเทคโนโลยี Blockchain แต่ทว่าโปรแกรมดังกล่าวยังไม่สามารถให้บริการได้จริงเนื่องจากติดกฎเกณฑ์การกำกับดูแลการให้บริการทางการเงินบางข้อ
“มีเรื่องมากมายที่ SET เองต้องมองไปสู่อนาคต ในความคิดผม เชื่อว่าอุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อการแข่งขัน และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ รวมถึงการปฎิวัติโดยใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ข้อเสนอใหม่ๆ เพื่อนำไปสู่การจัดการการเติบโตของภาคเอกชน, the settlement, the custodians ซึ่งพวกเราที่อยู่ในบทบาทของ front offices ได้ปฎิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว แต่ว่าสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือการปฎิรูปของทางฝั่ง back office ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกกฎเกณฑ์การกำกับดูแลฟินเทค และบางครั้งการมีกฎหมายเยอะเกินไปมันทำให้เกิดข้อจำกัดหลายด้าน เราควรตัดบางกฎหมายที่มันล้าหลังเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”
ปฏิรูปกฎหมายด้วย Regulatory Guillotine
จากการอ้างอิงข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการปฎิรูปกฎหมายเกี่ยวกับ Regulatory Guillotine (RG) หรือ การพิจารณากฎหมายจำนวนมากในครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลไกช่วยเพิ่มคุณภาพของกฎหมายไทย โดยอาศัยหลักการ ยกเลิกกฎหมายที่ไม่จำเป็นอีกต่อไปและ/หรือปรับแก้กฎหมายให้ง่ายต่อการปฏิบัติตามมากขึ้น ใช้วิธีที่รวดเร็ว โปร่งใส เป็นวิทยาศาสตร์ ใช้ต้นทุนต่ำ และมีส่วนร่วมจากสาธารณะ ซึ่งหากการปฎิรูปดังกล่าวประสบผลสำเร็จ จะช่วยลดต้นทุนและความไม่แน่นอนของธุรกิจที่เกิดจากกฎหมาย ทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การลงทุน การสร้างงาน ไม่ต่างจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งใช้เวลา 11 เดือนพิจารณากฎระเบียบกว่า 11,000 ฉบับด้วยกลไก Regulatory Guillotine จนสามารถยกเลิกได้เกือบ 50% ประเมินว่าช่วยสร้างงานใหม่ 1 ล้านตำแหน่ง และเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เป็นจำนวน 36,000 ล้าน USD
ทั้งนี้ ตามความคิดเห็นของนายปริญญ์ เชื่อว่าไม่เพียงเท่านี้ ความท้าทายอีกหนึ่งเรื่องที่เราต้องก้าวข้ามคือ regulatory fairness ที่ดูเหมือนได้รับการปฎิบัติไม่เท่าเทียมระหว่างนักพัฒนาหรือผู้ประกอบการไทย กับธุรกิจของต่างชาติ อย่างเช่นเรื่องของ ภาษี ตนคิดว่าความไม่เท่าเทียมที่เกิดขึ้น อาจทำให้ฝันหรือไฟของนักพัฒนาคนไทยรุ่นใหม่ๆ หมดลง เราจึงควรให้ความสำคัญกับการสร้างมาตรฐานหรือหลักเกณฑ์ที่เท่าเทียม เพื่อเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสัญชาติไทยได้มีโอกาสเติบโตบนเส้นทางของพวกเขา ซึ่งแผนพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีเจตนาดีและละเอียดมาก โดยแต่ละกลยุทธ์มุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้องสำหรับการขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคต ทว่ายังต้องเติมเรื่อง “ความเร็ว” เพราะอนาคตที่ว่ากำลังจะมาถึงในไม่ช้า ซึ่งเชื่อว่าภาครัฐเองต่างกำลังเร่งหาวิธีที่จะข้ามผ่านข้อจำกัดและอุปสรรค์ต่างๆ แต่อาจติดในเรื่องกระบวนการทางความคิด (Mindset) ของบุคลากรบางกลุ่มที่ยังปรับไม่ทันกับระบบหรือแนวนโยบายจึงทำให้ดูเหมือนกำลังขยับเข้าใกล้ 0.4 มากกว่า 4.0 แต่ตนเชื่อว่ามีบุคลากรของภาครัฐในฝั่งของนักพัฒนาที่เดินเครื่องเต็มอัตราเพื่อจะทำให้ประเทศของเราเข้าใกล้เป้าหมาย Thailand 4.0
ท้ายที่สุด…เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงข้อคิดเห็นบางส่วนของ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ที่ OPEN-TEC.COM หยิบมาร้อยเรียงให้ผู้อ่านเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยยังมีอีกหลายประเด็น หลายมุมมองที่ผู้บริหารท่านนี้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจ อาทิ 1. การให้ความสำคัญกับนักพัฒนารุ่นใหม่ในประเทศ พอๆ หรือมากกว่านักพัฒนาที่ได้รับรางวัลหรือโด่งดังมาจากเมืองนอก 2. การเพิ่มความหยืดหยุ่นให้นักพัฒนารุ่นใหม่สามารถระดมทุนได้ รวมถึงการให้โอกาสกับนักพัฒนาที่ผิดพลาด เพราะพวกเขาแค่ “ผิดพลาดไม่ใช่ล้มเหลว” สามารถติดตามเพิ่มเติมได้จากวีดีโอด้านล่างนี้
ขอบคุณข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการปฎิรูปกฎหมาย และเวทีสัมมนา Fintech Snapshot